สรุป Active voice และ Passive voice โครงสร้าง พร้อมตัวอย่างประโยค

การใช้ Active voice และ passive voice

Active voice และ passive voice เป็นรูปแบบการใช้งานประโยคในภาษาอังกฤษ โดย active voice เป็นการใช้ประโยคที่เน้นผู้กระทำ (subject) และ passive voice เป็นการใช้ประโยคที่เน้นผู้ถูกกระทำ (object) โดยประโยค passive voice จะมีการใช้กริยาช่วย (auxiliary verb) ในการเปลี่ยนรูปแบบของประโยคจาก active เป็น passive ดังตัวอย่างต่อไปนี้

ตัวอย่างประโยค active voice และ passive voice ภาษาอังกฤษ

Active voice: She wrote the letter.

Passive voice: The letter was written by her.

ในตัวอย่างด้านบน ประโยค active เน้นผู้กระทำ (She) ซึ่งเป็นตัวอย่างของ subject และประโยค passive เน้นผู้ถูกกระทำ (The letter) ซึ่งเป็นตัวอย่างของ object โดยเพิ่มกริยาช่วย was และเปลี่ยนกริยาหลักจาก wrote เป็น written (กริยาช่องที่ 3)

นอกจากนี้ การใช้ passive voice ยังมีประโยชน์ในการช่วยให้เน้นผลลัพธ์ของการกระทำและลดเจตนาของผู้กระทำ เช่น

Active voice: The company fired the employee.

Passive voice: The employee was fired by the company.

ในตัวอย่างนี้ การใช้ passive voice เน้นผู้ถูกกระทำ ซึ่งคือ The employee โดยไม่ได้เน้นว่าบริษัทเป็นผู้ไล่ออก

การเลือกใช้ active voice หรือ passive voice ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และ ในบางกรณี การใช้ active voice อาจจะช่วยให้ประโยคมีความกระชับและเข้าใจง่าย ในขณะที่ passive voice มักใช้ในการอธิบายการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีผู้กระทำที่ชัดเจน หรือเน้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าผู้กระทำ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีการใช้ passive voice อาจทำให้ประโยคดูน่าเบื่อ ไม่เป็นธรรมชาติ หรือไม่ชัดเจน เช่น

Passive voice: The cake was baked by John.

Active voice: John baked the cake.

ในตัวอย่างนี้ active voice เป็นประโยคที่สั้นกว่า ชัดเจน และมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้แบบ passive voice ดังนั้นการเลือกใช้รูปแบบประโยคที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารในภาษาอังกฤษนะครับ

แชร์เลย